วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัติ real madrid

จุดเริ่มต้นของสโมสรเรอัล มาดริดเกิดขึ้นเมื่อเหล่าอาจารย์และนักเรียนของอินสติตูซิโอน ลิเบร เด เอ็นเซนันซ่า
รวมทั้งบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ได้นำกีฬาฟุตบอลมาสู่สเปนและได้ตั้งสโมสร
ฟุตบอล คลับ สกาย ขึ้นในปี 1897 ซึ่งเล่นจะกันทุกเช้าวันอาทิตย์ที่มอนโกลอา จากนั้น ในปี 1900 ได้แบ่ง
สโมสรเป็น 2 ทีม คือ นิว ฟุต-บอล เด มาดริด และ กลุบ เอสปันญอล เด มาดริด โดยสโมสรหลังนี้ได้แยก
ออกเป็น 2 สโมสรอีกครั้งในปี 1902 ทำให้เกิดสโมสรมาดริด ฟุตบอล คลับ ขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม 1902


เพียงแค่ 3 ปีหลังจากก่อตั้งสโมสรมาดริด ฟุตบอล คลับ ก็คว้าเกียรติยศแรกมาครองได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ
แอธเลติก บิลเบาในรายการสเปนนิช คัพ หลังจากนั้น ในวันที่ 4 มกราคม 1909 สโมสรได้ร่วมก่อตั้งสมาคม
ฟุตบอลสเปนขึ้น โดยมีอาดอลโฟ่ เมเลนเดส ประธานสโมสรในขณะนั้น เป็นผู้เซ็นข้อตกลงกับสมาคมฟุตบอล
ของ สเปน ในปี 1912 สโมสรได้ย้ายมาใช้สนามคัมโป เด โอดอนเนลล์ และในปี 1920 สโมสรมาดริด ฟุตบอล คลับ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรอัล มาดริด หลังจากพระเจ้าอัลฟอนโซ่ ที่ 13 พระราชทานพระราชานุญาตให้สโมสร
ใช้คำว่า "เรอัล" ได้ (แปลว่า "รอยัล" ในภาษาอังกฤษ)


ในปี 1929 ลีกสเปนได้ก่อตั้งขึ้นเป็นปีแรก โดยมีเรอัล มาดริดนำเป็นจ่าฝูงจนถึงนัดสุดท้าย แต่ความพ่ายแพ้ต่อ แอธเลติก บิลเบาทำให้พวกเขาได้แค่อันดับสอง โดยตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของสโมสรบาร์เซโลน่า ส่วนแชมป์
ลีกสเปนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเรอัล มาดริดได้มาในฤดูกาล 1931-1932 และคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
ในปีถัดมา กลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย


ในปี 1945 ซานติอาโก้ แบร์นาเบว เยสเต้ ขึ้นมาเป็นประธานสโมสร และภายใต้การบริหารงานของเขา เขาได้สั่ง
ให้ปรับปรุงสโมสร สนามซานติอาโก้ แบร์นาเบวและซิวดัด เดปอร์ติบาอันเป็นผลมาจากสงครามกลางเมือง
ในสเปน ในปี 1953 ซานติอาโก้ แบร์นาเบว เยสเตมีแนวคิดในการซื้อผู้เล่นระดับโลกจากต่างประเทศมาร่วมทีม
และนำมา ซึ่งการคว้าตัวอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ มาร่วมทีม


ในปี 1955 จากความคิดของกาเบรียล อองโนต์ นักข่าวของหนังสือพิมพ์ เลกิ๊ป ของฝรั่งเศส และเพื่อเป็นการ
ต่อยอดการแข่งขันรายการโกปา ลาติน่า ซึ่งเป็นการแข่งขันของสโมสรจากฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และโปรตุเกส
ซานติอาโก้ แบร์นาเบว เยสเต้ ได้พบกับเบดรีญอง และกุสตาฟ เซเบน เพื่อก่อตั้งการแข่งขันซึ่งกลายมาเป็น
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน โดยภายใต้การบริหารของซานติอาโก้ แบร์นาเบว เยสเต้ สโมสรเรอัล มาดริด
กลายเป็นมหาอำนาจทางฟุตบอลทั้งในสเปนและยุโรป โดยสามารถคว้าแชมป์ย๔โรเปี้ยน คัพ ได้ถึง 5 สมัย
ติดต่อกันระหว่างปี 1956-1960 ทำให้สโมสรได้รับถ้วยรางวัลของแท้ของการแข่งขันไปเป็นกรรมสิทธิ์อย่างถาวร
และได้สิทธิ์ในการติดตราเกียรติยศของการแข่งขันบนชุดแข่งขันของสโมสร


ต่อมาในปี 1966 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ โดยทีมในชุดนั้นประกอบด้วย
ผู้เล่นสเปนเกือบทั้งหมด (รู้จักกันในชื่อ Ye-ye) ช่วงทศวรรษที่ 70 สโมสรคว้าแชมป์ลีกสเปน 5 สมัย และ
สแปนนิช คัพ อีก 3 สมัย และในปี 1978 ซานติอาโก้ แบร์นาเบว เยสเต้ ประธานสโมสรได้เสียชีวิตลงในช่วง
ที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกที่อาร์เจนตินา และฟีฟ่ามีคำสั่งให้ไว้อาลัยเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาเป็นเวลา 3 วัน
และในปีต่อมา สโมสรได้จัดการแข่งขันซานติอาโก้ แบร์นาเบว โทรฟี่ ขึ้นเพื่อระลึกถึงอดีตประธานสโมสร
ผู้จากไป โดยการแข่งขันนี้ยังมีจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 สโมสรเรอัล มาดริด ห่างเหินจากความสำเร็จภายในประเทศ จนกระทั่งได้ผู้เล่นสเปน
สายเลือดใหม่พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง โดยทีมในชุดนั้นถูกเรียกว่าลา กินต้า เดล บุยเตร้ สามารถคว้าแชมป์
ยูฟ่า คัพ ได้ 2 สมัย แชมป์ลีก 5 สมัยติดต่อกัน แชมป์สแปนนิช คัพ 1 สมัย และสแปนนิช ซูเปอร์ คัพ อีก 3 สมัย
อย่างไรก็ตามทีมชุดดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อผู้เล่นตัวหลักย้ายออกจากสโมสรในช่วงต้นทศวรรษที่ 90


ต่อมาในปี 1996 ลอเรนโซ่ ซานส์ ประธานสโมสรในขณะนั้น ได้แต่งตั้งฟาบิโอ คาเปลโล่ให้เข้ามาคุมทีม
และถึงแม้ฟาบิโอ คาเปลโล่ จะอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 1 ปี แต่เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกและดึงผู้เล่นอย่าง
โรแบร์โต้ กาลอส, เปรแดร็ก มิยาโตวิชc, ดาวอร์ ซูเคอร และ คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ มาเสริมทีมที่มีราอูล
กอนซาเลส, เฟร์นันโด เอียร์โร่ และ เฟร์นันโด เรดอนโด้ อยู่ในทีมแล้วได้ จากนั้นในปี 1998 สโมสรเรอัล มาดริด
ซึ่งได้เฟร์นันโด มอริเอนเตส มาร่วมทีม 1 ปีก่อนหน้านั้น สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 7 ได้สำเร็จ
ถือเป็นการความแชมป์รายการนี้ครั้งแรกในรอบ 32 ปี โดยมีจุปป์ ไฮน์เกส เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น


ในเดือนกรกฎาคมปี 2000 ฟลอเรนติโน่ เปเรส ได้รับเลือกให้เป็นประธานสโมสร โดยเขาต้องการสะสางหนี้สิน
ของสโมสรและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของสโมสรให้ทันสมัย ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงคนแรกภายใต้
การบริหารของฟลอเรนติโน่ เปเรส คือ หลุยส์ ฟิโก้ หลังจากนั้นในปีต่อมามีข่าวว่าสโมสรได้ทำการรีโซน
สนามซ้อมเพื่อระดมเงินมาสร้างทีมตามนโยบายกาลาคติโก้ ด้วยการซื้อผู้เล่นระดับโลกอย่างซีเนดีน ซีดาน,
โรนัลโด้ และเดวิด เบ็คแฮม เข้ามาร่วมทีม แต่ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทุ่มเงิน ซื้อผู้เล่นเหล่านั้นไม่คุ้มค่า
เพราะแม้สโมสรจะสามารถค้วาแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2002 และได้แชมป์ลีกสเปนในปีต่อมา
แต่ก็ไม่ประสบความเร็จในรายการสำคัญอีกเลยเป็นเวลา 3 ปีหลังจากนั้น


ในปี 2006 รามอน กัลเดรอน ได้รับเลือกให้เป็นประธานสโมสรและได้แต่งตั้งให้ฟาบิโอ คาเปลโล่ กลับเข้ามา
คุมทีมอีกครั้ง โดยในปี 2007 สโมสรเรอัล มาดริด สามารถคว้าแชมป์ลีกสเปนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
แต่ฟาบิโอ คาเปลโล่ กลับถูกไล่ออก และในฤดูกาลต่อมาเรอัล มาดริด สามารถรักษาแชมป์ไว้ได้ซึ่งถือเป็นการ
ได้แชมป์ลีกติดต่อกันครั้งแรกในรอบ 18 ปี


ในปี 2009 ภายหลังการกลับคืนสู่ตำแหน่งของฟลอเรนติโน่ เปเรส และนโยบายการสร้างทีมแบบกาลาคติโก้
สโมสรเรอัล มาดริด ได้ทำการซื้อตัวกาก้า และทำลายสถิติโลกด้วยการซื้อตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยค่าตัว
80 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าสถิติเก่าของซีเนดีน ซีดาน ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2001



 
ลา ลีกา (31)
1932, 1933, 1954, 1955, 1957, 1958, 1961, 1962, 1963,
1964, 1965, 1967, 1968, 1969, 1972, 1975, 1976, 1978,
1980, 1979, 1986, 1987, 1988, 1989, 1990, 1995, 1997,
2001, 2003, 2007, 2008
 
 
 
 
สแปนนิช คัพ (17)
1905, 1906, 1907, 1908, 1917, 1934, 1936, 1946, 1947,
1962, 1970, 1974, 1975, 1980, 1982, 1989, 1993
 
 
 
 
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (9)
1956, 1957, 1958, 1959, 1960, 1966, 1998, 2000, 2002
 
 
 
 
อินเตอร์คอนทิเนนทอล คัพ (3)
1960, 1998, 2002
 
 
 
 
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (1)
2002
 
 
 
 
ยูฟ่า คัพ (2)
1985, 1986

1 ความคิดเห็น:

  1. โห่ แม่งบ้าบอลนี่หว่าเพื่อนเรา 555555555++++อ้น เอ้ยยย...(น้องแคร๊ะ)><!!

    ตอบลบ